Lifestyle กับ การต่อสู้ที่ถูกต้อง
การต่อสู้ที่ถูกต้อง
คุณเคยไหม!! การที่คุณได้ต่อยกับใครด้วยความหมั่นไส้ โกรธ สิ่งเหล่านี้คือการต่อสู้ทางด้านลบ มันไม่เป็นผลดีเลยครับ ซึ่งที่จริงแล้วผมเป็นคนชอบดูหนัง ผมจะยกตัวอย่างหนัง Con air ที่ นิโคลัส เคจ เป็นพระเอกในเรื่องนี้...ถ้าใครได้ดูหนัง Con air คุณจะรู้ถึงการต่อสู้แบบพระเอกตัวจริงเลย ซึ่งผมเองก็ชอบเป็นการส่วนตัวด้วย เอาหละมาเข้าเรื่องเกริ่นกันก่อน การต่อสู้ที่ถูกต้องจะต้องมีศีลธรรม จริยธรรม และเพื่อส่วนรวม ดังนั้นการต่อยกันก็สามารถสร้างสิ่งที่ดีให้กับตัวเองและผู้อื่นได้เช่นกัน แต่ถ้าหากการต๋อยนั้นมันผิดศีลธรรม มันจะทำให้โลกนี้ไม่น่าอยู่ มีแต่ความแตกแยก ซึ่งผมจะอธิบายอีกต่อจากนี้ครับ
การต่อสู้ ผมจะอธิบายตั้งแต่ละดับรากหญ้าจนถึงปลายหญ้า ก็เพราะจะได้ทำความเข้าใจกันก่อนว่าการต่อสู้ที่ผิดก็อาจจะเป็นผลทำให้กลายมาเป็นการต่อสู้ที่ถูกต้องได้ เปรียบเหมือนกับคนที่เคยทำผิดมาก่อนก็ได้รู้ตัวแล้วอยากจะมาทำสิ่งที่ถูกต้อง สิ่งนี้เองมันจึงกลายเป็นศิลปะการต่อสู้จากใจของคน ตั้งแต่รากหญ้าก็คือการต่อสู้แบบดิบเถื่อน ไร้ศีลธรรม ตลอดจนไปถึงปลายหญ้า คือการต่อสู้โดยใช้ความคิด และ การต่อสู้กับใจตัวเอง
1.การต่อสู้จากการใช้อารมณ์ทุกชนิด
อารมณ์มักเป็นแรงพลักดันให้เกิดสิ่งต่างๆ เช่น เมื่อไปโกรธใครก็อยากต่อยกับคนคนนั้นขึ้นมาโดยที่มีความโกรธครอบงำอยู่ นี่จึงเป็นวิธีของรากหญ้าอย่างที่ผมได้สมุติขึ้นมาเพื่อให้เข้าใจง่าย เมื่อโกรธแล้วไปต่อยแบบนี้เป็นสิ่งที่ผิดครับ เพราะมันเป็นวิธีของคนโง่อยู่ และอีกหนึ่งตัวอย่าง เมื่อมีนักเลงต่อยกันที่คิดถึงความเป็นใหญ่ในถิ่นหมู่บ้านแบบนี้คือการต่อสู้แบบมีเป้าหมาย อย่างเช่น ในหมู่บ้านมีงานหมอลำตอนกลางคืน พวกวัยรุ่นก็อาศัยงานหมอลำนี้เป็นลานประลองการต่อสู้เพื่อที่ว่าฝ่ายใดชนะก็จะต้องเป็นใหญ่...ผมเองก็ได้เห็นการต่อยกันแบบนี้ตอนสมัยเด็ก อีกทั้งคนที่ต๋อยก็อวดสาวๆที่อยู่ในละแวกนั้น ไม่ต่างกับสัตว์ที่กำลังหาคู่เลย...พอต่อยกันเสร็จบางครั้งก็มีบาดแผลส่งโรงพยาบาล คนที่เป็นห่วงก็คือพ่อแม่เอง ซึ่งการต่อสู้แบบนี้มันลึกซึ้งมาก เพราะบางครั้งก็เป็นที่เพื่อนฝูงชักชวนไปในทางที่ผิด แบบนี้ไม่ควรนะครับ ให้คิดถึงผลกระทบแก่ตัวเองและผู้อื่น นี่ก็คือการต่อสู้แบบใช้อารมณ์...ผมคิดว่าทุกท่านคงรู้นะครับว่าการต่อสู้แบบนี้เป็นอย่างไง
2.การต่อสู้เพื่อตัวเองให้อยู่รอด
แน่นอนครับวิธีนี้มันไม่เข้าใครต่อใครอยู่แล้ว การต่อสู้เพื่อตัวเองนั้นจะเน้นไปทางการเลี้ยงชีพตัวเองให้รอดพ้นไปวันๆ นี่ไม่ใช่การต่อสู้แบบต่อยกันนะครับ แต่มันเป็นการชิงดีชิงเด่นในสังคมปัจจุบันซะมากกว่า การต่อสู้แบบนี้ผมว่าเหนื่อยมากครับ สำหรับครอบครัวที่จนแล้วมีลูกหลานเยอะต้องเลี้ยงดู ซึ่งมันลำบากมากเพราะสมัยนี้ต้องใช้เงิน ต้องกิน ต้องใช้ เมื่อลูกโตขึ้นมาก็ต้องส่งเรียน ส่งเงิน ผู้ที่เลี้ยงดูถ้าไม่ไหวจริงก็ยากที่จะอยู่ในสังคมมนุษย์นี้ได้ นี่แหละครับคือการต่อสู้เพื่อความอยู่รอด แต่ก็ต้องทนทุกข์ทั้งกายและใจกันต่อไป ซึ่งผมแนะนำให้ฟังธรรมะครับ
3.การต่อสู้เพื่อสังคมส่วนรวม
การต่อสู้เพื่อส่วนรวมนั้น ถือว่าเป็นผู้ยิ่งใหญ่ และ น่านับถือครับ แต่คนคนนั้นมักจะรับภาระหนักเสมอ ผมจะยกตัวอย่างเช่นผู้นำของแต่ละประเทศก็แล้วกัน เค้าได้มีบทบาทสำคัญเพื่อส่วนรวมพัฒนาประเทศชาติให้มั่นคงซึ่งปัจจุบันนี้ประเทศในแต่ละประเทศก็ต้องมีผู้นำเพื่อให้ประชาชนอยู่รอดปลอดภัยจากสงคราม จากความขัดแย้ง เศรษฐกิจ ต่างๆ เยอะแยะไปหมด นี่ก็คือการต่อสู้เพื่อสังคมครับ แต่สิ่งที่สำคัญคือต้องต่อสู้เพื่อศีลธรรม จริยธรรมด้วย หากไม่มีมันจะกลายเป็นตราบาปให้กับประเทศนั้นๆ นี่ก็คืออีกหนึ่งตัวอย่างสำหรับการต่อสู้เพื่อสังคม อารมณ์มันก็จะเหมือนแบบ Batman อะไรอย่างั้นเลย
4.การต่อสู้จิตใจตัวเอง
นี่ก็เป็นหัวข้อสุดท้ายที่จะมาบรรยายครับ การต่อสู้กับจิตใจตัวเองเป็นสิ่งที่สุดยอดที่สุด การที่เราหักห้ามใจตัวเองอะไรซักอย่างที่เราชอบ คงจะยาก ตรงนี้ผมจะยกตัวอย่างพระที่เป็นผู้ปฏิบัติจริงๆจังๆเพื่อขัดเกลาจิตใจให้หลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งหมด ซึ่งที่จริงคนทั่วๆไปก็สามารถปฏิบัตขัดเกลาจิตใจได้เหมือนกัน ยกตัวอย่างเช่น "วันนี้ฉันจะไม่กินกับข้าวตอนเย็น ถึงแม้จะหิวแค่ไหนก็จะไม่กิน" ส่วนใหญ่ที่ผมจะแนะนำให้ฝึกนั้นก็จะเป็นการฝึกการห้ามตัวเองไปในทางที่ผิด ให้ปฏิบัติไปยังสิ่งที่ถูกที่ควรครับ หมายถึง ห้ามทำสิ่งที่ไม่ดี แต่สิ่งที่ทำควรเป้นสิ่งที่ถูกต้องและไม่เบียดเบียนผู้อื่น สิ่งที่ทำควรเป็นประโยชน์แก่ส่วนรวม มีศีล มีธรรม นี่ก็คือเกร็ดเล็กๆน้อยๆ ของการต่อสู้ครับผม
หวังว่าจะเป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านที่กำลังต่อสู้ บางครั้งปัญหามันไม่ได้อยู่ที่การต่อสู้ที่ร่างกาย แต่มันเริ่มจากที่ใจของเราเอง สำหรับครั้งนี้ผมขอลาไปก่อน ไว้เจอกันบทความครั้งหน้าสวัสดีครับ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น