Lifestyle กับ คนทางนั้น
ตอน...คนทางนั้น
ในสมัยที่ผมเป็นเด็กผมไม่ค่อยได้เอาใจใส่เรื่องเรียนหนังสือซักเท่าไหร่นัก เลยไม่เก่งเรื่องวิชาต่างๆ ถึงแม้ว่าจะเคยโดดเรียนไปเล่นเกมส์ หรือ ไม่เคยส่งการบ้านคุณครู ผมก็ไม่ได้ทำให้ทางบ้านเดือนร้อนในเรื่องการเรียนเลย จนกระทั้งจบมาได้ก็บุญหัวแล้ว จนกระทั้ง....
แต่แล้วก็ไม่กล้าที่จะบอกรักเค้าไปน่าเสียดายมาก ยิ่งเวลาผ่านไปมากเท่าไหร่ มันยิ่งเจ็บปวดกับความรู้สึกตัวเองมาก ความรักมันเป็นแบบนี้ขึ้นมา เห็น "ทุกข์" ได้อย่างชัดเจน ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น เมื่อลองคิดดูแล้ว คนบนโลกไม่ใช่น้อยที่มีอาการแบบนี้เกิดขึ้น จึงต้องแก้ปัญหา
รักอย่างไรให้ถูกต้องกับชีวิต
รักมากจนเกินไป จนหึง-หวง รักแบบนี้คือรักแบบยึดติดจะทำให้เราเป็นทุกข์ใจ บางทีอาจจะรุนแรงจนกระทั้งเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด เช่น แม่รักลูกมากจนเกินไป จนกระทั้งกลัวว่าลูกจะทำอะไรไม่เป็น หรือ กลัวว่าลูกจะเกิดอันตรายจากสังคม จนทำให้ผู้เป็น แม่ทุกข์ใจขึ้นมา ซึ่งการรักแบบนี้ คือความรักแบบยึดติด ฉะนั้นแล้ว ความรักนั้นควรรักแบบปล่อยวาง รักแบบพอดีๆ ไม่ปล่อยมากจนเกินไป ไม่บังคับมากไป ก็เหมือนกับลูกไก่ที่อยู่ในกำมือ ถ้าบีบแรงไปก็ตาย ถ้าจับหลวมหน่อยก็ตก คงเข้าใจกันนะครับรู้จักปล่อยวาง
ลำดับแรกเลยว่าความรักที่เกิดขึ้นนั้นมันไม่ได้เกิดขึ้นตลอดวัน ผมเลยตั้งสติ สตินี่แหละคือตัวสำคัญเลยว่า อาการที่รักนั้นมันเป็นอย่างไร...จนกระทั้งผมรู้ถึงมันว่า มันคือความยึดมั่นในอารมณ์โดยที่ไม่ปล่อยวาง จึงทำให้ใจของผมนั้นเป็นทุกข์ ไม่สบายใจ เร้าร้อน อยากส่องเฟสอยู่ตลอดเวลา แต่อารมณ์นั้นเป็นเพียงอารมณ์ที่เกิดขึ้น ตั่งอยู่ แล้วดับไป เราไม่สามารถควบคุมได้ เพียงแค่เริ่มรู้จักสติเท่านั้น
เมื่อเริ่มรู้ต้นตอก็ให้รู้จักปล่อยวางในอารมณ์นั้นว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในจิตใจเรา มันเป็นเพียงแค่ชั่วคราว แล้วเราจะทำอย่างไงหละ??
ให้เริ่มจากมีสติ รู้ลมหายใจ เข้า - ออก อยู่ตลอดทั้งวัน นั้นคือ "อานาปานสติ" ดังนั้น เรื่องราวนี้คือการเข้าสู่หลักธรรมในชีวิตว่า เราควรที่จะฟังคำสอนของพระพุทธศาสนาว่า แท้ที่จริงแล้วคำสอนของท่านคืออะไร?? ให้เริ่มจากการฟังธรรมะก่อน ดังนั้นบทความนี้เพียงอยากให้ทุกคนสู้ต่อไปในชีวิตกันต่อไปที่อยู่ในโลกนี้ สู้ๆครับ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น