Lifestyle เรื่องราวเผ่าพันธุ์มนุษย์โบราณที่แข็งแกร่ง


เผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่ง
     ทุกชีวิตทุกสายพันธุ์ ต้องมีการดำรงอยู่เพื่อเอาตัวรอด เผ่าพันธุ์มนุษย์โบราณ คือต้นสายกำเนิดที่ยังไม่มีปัญญาประดิษฐ์อะไรเลย จนกระทั้งได้เรียนรู้จากสิ่งที่เรียกว่าธรรมชาติ แล้วพัฒนา มาเรื่อยๆจนกลายเป็นความยิ่งใหญ่ของสายพันธุ์ที่แข็งแกร่งที่สุดนั้นก็คือ มนุษย์ปัญญา....แต่กระไรนั้นความทะเยอทะยานของมนุษย์ไม่มีวันจบสิ้นลงได้เลย...นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นของความเจริญก้าวหน้า...และหายนะ

1.ยุคโบราณแห่งการล่า
คนที่แข็งแกร่งเท่านั้นที่อยู่รอด ในสภาพอันเลวร้ายของความหิว....แน่นอนว่ามนุษย์บนโลกเรานี้ไม่มีอะไรเลยนอกจากมือ 2 ข้าง เท้า 2 เท้า ได้แต่กินผลไม้หมากรากไม้ตามผืนป่า เพราะว่าสัดส่วนของมนุษย์นั้นไม่สามารถที่จะล่าอะไรได้เลย....เสื้อผ้าก็ไม่ใส่ จนกระทั้งวันหนึ่ง....ผมสมมุติว่ามนุษย์ยุคโบราณคนนี้ว่า"เอส" (ผู้ชาย)

เอส ได้ไปเห็นเสือตัวหนึ่ง มันมีเขี้ยวแหลมคมมาก พร้อมกับเล็บของเสือที่สามารถตะปบเหยื่อของมันได้ให้อยู่กับที่....เอสได้เห็นพฤติกรรมของเสือ...ที่ล่ากวางตัวหนึ่ง....

เอส เลยมองที่มือของตัวเอง....แล้วเริ่มที่จะอยากเป็นแบบเสือ เอสได้วิ่งไปที่ถ้ำของตัวเองแล้วทำภาษามือบอกกำพ่อแม่ว่าเค้านั้นอยากที่จะเป็นเสือ....จากครอบครัวที่อยู่ในถ้ำกินผลไม้...ก็เริ่มที่จะเรียนรู้ทำอาวุธขึ้นมาเหมือนเสือแล้วเริ่มออกล่า....

2.ยุคโบราณการก่อไฟ
เอส คนเดิมเพิ่มเติมคืออยากเล่นกับไฟ...เอสได้อาวุธ ล่าสัตว์เป็นอาหารแต่เนื้อสัตว์ก็ไม่อร่อยเลยกินไม่ได้....จากการที่เอสรำพึงรำพันอยู่นั้นว่าเนื้อสัตว์ไม่อร่อย.....เลยเลิกล่าสัตว์แล้วหันมากินผลไม้ดังเดิม......แต่แล้ววันหนึ่งขณะกินผลไม้..ก็เกิดลมแรงขึ้น.....ต้นไม้ที่ขบกันอยู่ได้เกิดเสียดสีกันอย่างรวดเร็วจนเกิดเป็นประกายไฟขึ้นมา เอสที่ดูปรากฏการณ์นี้เลยจำไว้ในใจเสมอมา มันเป็นไปได้จังได๋.....วันถัดมาเอสเลยเอาเศษไม้มาเสียดสีกันอย่างว่า...ทำจะตัวเองเหนื่อย...จนเกิดควันขึ้น เอสทำต่อไปอย่างไม่หยุด.....สุดท้ายกลายไปไฟขึ้นมา
พ่อกับแม่ของเอส ดูว่าลูกคนนี้มันเริ่มบ้าขึ้นทุกวันน่ะ

3. ยุคโบราณการปกครอง
เอสได้เริ่มเห็นครอบครัวที่เขาและเพื่อนฝูงของเขาเริ่มมีความขยายพันธุ์กันมากขึ้น แต่แล้ววันหนึ่งเพื่อนของเอสที่มีชื่อว่า แฟร์ ได้ไปแย่งแฟนของคนอื่นมาจึงเกิดการทะเลาะกัน เนื่องด้วยไม่เข้าใจในภาษา และยังไม่มีปัญญาที่จะไตร่ตรองว่าอะไรดี อะไรชั่ว ก็เกิดความดิบเถื่อนท่ามกลางมนุษย์กันเอง การอยากได้ในเรื่องของกามทำให้ทะเลาะกัน...เอสจึงคำนึงว่า...ถ้าหากเป็นอย่างงี้ต่อ มนุษย์คงฆ่ากันตายแบบนี้เรื่อยไป เอสเป็นผู้สังเกตุการณ์อยู่ห่างๆ แต่แล้วก็มีมนุษย์ที่แข็งแรง กำยำ เป็นที่น่าเกรงขามมากกว่ามนุษย์ทั่วไป กล้ามโต ตัวใหญ่ ได้มาห้ามปรามไว้...โดยใช้ภาษามือว่าถ้าหากแฟร์ไปแย่งแฟนคนอื่นอีก ก็จงรู้ไว้ด้วยว่า แกตาย....ดังนั้นก็เริ่มมีกฏของชุมชนขึ้นมาทำให้มนุษย์มีความสุขกันมากขึ้นเพราะมีการปกครองอย่างสันตินั้นเอง

4. ยุคโบราณพัฒนา
     มนุษย์เริ่มมีความหวงแหนในคู่ของตน เอสก็เช่นเดียวกัน...ก็ไม่อยากให้เกิดเหตุการแย่งแฟนกันอีก แต่ทีนี้ร่างกายยังร่อนจ่อนอยู่เอสก็เกิดความคิดและความอายขึ้นมาว่าถ้าหากเราออกจากถ้ำแล้วยังเปลือยกายอยู่อย่างงี้ ก็ต้องเป็นที่จับตามองของผู้หญิงอื่นอยู่เสมอไป เราต้องหาวิธีทำอะไรซักอย่าง....เอสจึงไปหาใบไม้มาปกปิด แล้วพัฒนาเสื้อผ้าของตัวเองจากการล่าสัตว์บ้าง ใบไม้บ้าง มาตกแต่งร่างกาย....เอสได้ออกจากถ้ำในวันนั้นด้วยความงงกับหมู่มนุษย์ด้วยกันเอง....ว่าเอสทำแบบนั้นทำไม....แต่แล้วมนุษย์บางคนก็เริ่มทำตามเอส...บางคนก็เอากะลามะพร้าวบ้างเป็นสีสันอวดกันใหญ่ทีนี้หละก็เริ่มมีการพัฒนากันมากขึ้นหละ

5.ภาษายุคโบราณ
     เอสเริ่มมีอารมณ์โกรธขึ้นมา ก็เปล่งเสียงคำรามกันบ้างแต่มนุษย์ก็มีความกลัวแต่มิอาจจะรู้ภาษาได้ ก็เริ่มจากภาษากาย และวาดรูปจากพื้นผนัง และได้เริ่มทำความเข้าใจกันในแวดวงของเผ่านั้นๆ...เราก็ไม่ต่างอะไรกันเลยดูจากปัจจุบันนี้ประเทศในแต่ลประเทศก็มีภาษาเป็นของตัวเอง...เอสเลยเขียนภาพว่าเอสจะทำร้ายเพื่อนน่ะ เพื่อนเอสก็เข้าใจและเริ่มสื่อกันผ่านทางเสียงบ้างหรือไม่ก็ภาพวาด

สรุปวิวัฒนาการของมนุษย์
     โดยจากสันนิษฐานแล้ว การพัฒนาวิวัฒนาการณ์ของมนุษย์นั้นต้องเริ่มจากการสังเกต กว่าจะวิวัฒนาการมาได้นั้นต้องใช้เวลามากกว่าจะเริ่มเป็นรูปเป็นร่างถึงปัจจุบันนี้ เมื่อถึงยุคสมัยเทคโนโลยี คือทุกอย่างสามารถรู้และเข้าใจได้หมด เพียงแต่ว่าการที่เทคโนโลยีสูงมากขึ้นแต่จิตใจนั้นไม่ได้สูงขึ้นไปตามเลย เพราะความอยากได้ และความอยากที่มากเกินไปนั้นเอง



ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

การพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียนในชีวิตประจำวัน

300 กว่าบทความในที่สุดก็ทำ Adsense ได้แล้ว

Chat GPT คือ อะไร มีข้อดี ข้อเสียอะไรบ้าง